ปาลาวัน เป็นหมู่เกาะที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในฟิลิปปินส์
มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักท่องเที่ยวธรรมชาติทั่วโลก
ท้องทะเลที่สวยงาม บนหาดทรายขาวสะอาดเป็นเอกลักษณ์
และยังเป็นเป้าหมายหลักของนักดำน้ำ เพื่อดูปะการังและสัตว์ต่างๆ
ใต้ท้องทะเลอีกด้วย
ปาลาวันจะมีสนามบินอยู่ 2 แห่งคือ Busuanga และ Puerto princesa ซึ่งบางทีเราเรียกว่าเกาะเหนือกะเกาะใต้ สถานที่ที่เราจะไปกันทริปนี้คือ Busuanga ออกเสียงว่า บูสวังก้า
บนหน้าจอมอนิเตอร์ได้แจ้งถึงสถานที่ที่เครื่องบินจะไปลงในครั้งนี้คือ บูสวังก้า เราใช้เวลาเช็คอินไม่ถึงสิบนาทีก้อเสร็จเนื่องจากผู้คนที่จะไปไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ คิดว่าไม่น่าเกินสามสิบคน
เครื่องบินที่เราใช้ในการเดินทางครั้งนี้เป็นเครื่องบินไบพัด
สายการบินที่บินไปปาลาวัน จะมีอยู่สองสายการบินคือ ซีบูแปซิฟิค กะ แอร์ฟิลเอ็กซเพรส ใช้เวลาในการเดินทางจากสนามบินไปถึงปาลาวัน ประมาณหนึ่งชั่วโมง ในช่วงเวลาที่อยู่บนเครื่องบินเราได้เห็นสภาพหมู่เกาะต่างๆ ในฟิลินปินส ตามในรูปด้านล่างนะครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง สวยโคด
มาดูสภาพสนามบินที่เราเดินทางมาถึง เป็นสนามบินเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก พอดูอบอุ่นไม่วุ่นวาย เป็นสนามบินที่ก่อสร้างร่วมกับประเทศเกาหลี
หลังจากเรารับกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ ก้อผ่านการเข้าสู่เมือง Coron ได้แล้ว เคยไปเกาะ Cebu ของฟิลิปินสมาก่อน เราก้อจินตนาการว่า หลังจากออกจากสนามบินก้อคงเดินทางตามถนนลาดยางเข้าสู่ที่พัก แต่ที่นี่กลับไม่เหมือนแบบนั้น ต่างกันโดยสิ้นเชิง ที่นี่เมื่อผ่านออกจากสนามบินก้อจะเป็นดินลูกรัง เดินทางไปยังท่าเรือต่อไปยังเกาะอีก
รถจากสนามบินเดินทางมายังท่าเรือที่จะข้ามไปยังเกาะ โอ้วพระเจ้า อะไรจะ unseen ขนาดนี้ระหว่างทางที่นั่งบนรถที่วิ่งไปด้วยความเร็วไม่มากเนื่องจากเป็นถนนลูกรัง เป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้เราคิดถึงเรื่องการจับเป็นตัวประกัน เข้าจัยเลยว่าบรรยากาศคงจะแบบนี้แหละ
สภาพท่าเรือที่จะเราจะนั่งเรือต่อไปยังเกาะ เป็นท่าเรือที่ไม่ใหญ่มากสองฟากฝั่งเป็นต้นโกงกางที่อุดมสมบูรณ์มาก
จากสภาพเรือแล้ว ดูดีมีชาติตระกูลเลยทีเดียว ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เคยนั่งเรือแบบนี้มาก่อนด้วย ถูกใจเสียเหลือเกิน
ระหว่างอยู่ในเรือก้อชมสภาพบรรยากาศ ของท้องทะเลฟิลิปินส ได้เห็นบ้านเรือนของชาวประมง ซึ่งจะเห็นว่าทุกบ้านจะมีคอกหมู และเลี้ยงกันอยู่ประมาณตัวสองตัว
ใช้เวลาเดินทางประมาณสี่สิบห้านาที เราก้อมาถึงเกาะที่เราจะพักกันแล้ว สภาพหาดทรายแล้วน้ำเหมือนในรูปที่เราเห็นตอนนั่งเครื่องบินเลยคับ พอเรือมาถึงก้อมีคนมาต้อนรับอย่างน่าอบอุ่น
เจ้าหน้าที่ได้ต้อนพวกเราไปยังพื้นที่รับรอง มีเวลคัมดริ้งและดนตรีปลอบปะโลมพวกเราอย่างน่าแปลกจัย
มาถึงแล้วคลับพาราไดส์ ผู้คนไม่พลุกพล่านพอมีประปรายทำให้เรามีความรู้สึกว่าเหมือนมาเกาะส่วนตัวยังไงไม่รู้ หลังจากผ่านขบวนการนี้เจ้าหน้าที่ก้อมาทำการอธิบายกำหนดการต่างๆ และแจกกุญแจห้องให้พวกเราไปพักผ่อนกันสักครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นพวกเราก้อจะเข้าห้องสัมนาเพิ่มเติมความรู้กันหน่อยครับ
ห้องพักที่ผมไปพักก้อจะเป็นห้องสองเตียงนอน เปิดแอร์เย็นเฉี๊ยบ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสับพวกเราก้อเตรียมไปสัมนากันต่อ
พวกเราเลิกสัมนากันตอนทุ่มกว่าๆ ก้อออกมาทานข้าวเย็นกัน ผมเซอร์ไพรสมากคับเพราะวันนี้เราจะกินข้าวเย็นกันกลางชายหาด ภายใต้แสงจันทร์และลมทะเล พร้อมทั้งแสงเทียนที่วางกระจายอยู่ทั่วหาด
คืนนี้คงดื่มกันตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน พรุ่งนี้พวกเราต้องออกเดินทางไปชมปะการังอีกครังครับ
เช้าวันที่ 17 ตุลาคม พวกเราตื่นกันแต่เช้าเพราะวันนี้พวกเราต้องออกเดินทางไปยังเกาะต่างๆ เพื่อชมความสวยงาม ตอนแรกผมคิดว่าคงไปเกาะที่ไม่ไกลจากเกาะที่เราอยู่ ที่ไหนได้ ต้องเดินทางไปขึ้นที่ท่าเรือที่เราเดินทางมา ต่อด้วยรถยนตอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปต่อเรืออีกครั้ง เพื่อไปชมปะการังอีกเกาะ ตอนผมนั่งเรือมาครั้งนี้ผมดันเมาเรือซะงั้นทรมานมากครับเพราะวันนี้คลื่นลมแรงประกอบกับเรือลำเล็กทำให้ผมเมาเรืออย่างแรงจนออกปากว่าผมไม่ไปต่อได้ป่าวขอรอที่ท่าเรือนี้ดีกว่า แต่คำตอบที่ได้มาคือไม่ได้ครับเพราะเราไม่ได้กลับมาที่ท่าเรือเดิมเราจะไปออกอีกท่าเรือเพื่อกลับที่พัก โอ๊ยพระเจ้าเราต้องเดินทางต่อไปเรื่อยๆ อีกเหรอเนี่ย
สภาพบรรยากาศสองข้างทางในตอนเช้าที่เรือขับผ่าน ต้นโกงกางที่สมบูรณ์ของป่าเป็นแหล่งเพาะพันธ์สัตวน้ำอย่างดี
ได้มีโอกาสลงไปดำน้ำอยู่ครั้งนึงอยากบอกว่าสวยโคดๆ อะ นอกจากปะการังแล้วผมยังเห็นปลาตัวเล็กตัวใหญ่ว่ายรอบๆ ปะการังเสียอีกด้วย โอ้ยสวยอะไรเยี่ยงนี้
ในที่สุดก้อมาถึงคำที่ว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา ดังนั้นวันที่เราต้องกลับก้อมาถึงเลยอยากฝากบรรยากาศที่เหลือมาให้ชมกันครับ
อยากฝากข้อคิดหน่อยนะคับ เพราะก่อนกลับที่สนามบินก้อจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าอย่างเข้มข้น เราก้อสงสัยว่าทำไมต้องตรวจกันขนาดนี้เพราะกระเป๋าเราจัดไม่ค่อยเป็นระเบียบจับของยัดๆ เข้าไปอายเค้า แต่ก้อเข้าจัยเจ้าหน้าที่แระว่าทำไมต้องตรวจกันขนาดนี้เพราะมีคนจำนวนนึงแอบเอาของติดไม้ติดมือกลับบ้าน ตามในรูปคับไม่รู้จะอธิบายยังไง
ขอบคุณสำหรับทริปนี้ครับ ที่เปิดโลกในประเทศฟิลิปินสอีกครั้งหนึ่งครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น