วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

FRANCE 3

โบสถ์มง-แซ็ง-มีแชล  Le Mont-Saint-Miche

                  มง-แซ็ง-มีแชล (ฝรั่งเศส: Le Mont-Saint-Michel) คือวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดม็องช์ แคว้นบัส-นอร์ม็องดีของประเทศฝรั่งเศส ได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2522 ภายใต้ชื่อ มง-แซ็ง-มีแชล



           ก่อนที่จะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 เกาะนี้เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ (Mont Tombe) และตามตำนาน วิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างโดยการแนะนำของเทวดามีแชล ที่ได้เข้าฝันนักบุญโอแบร์ บิชอปแห่ง มาฟร็องช์เมื่อปี พ.ศ. 1251 แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เนื่องจากนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันครั้งที่ 3 มีแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขา







          อันที่จริงมงต์-แซงต์-มิเชล จะเป็นเกาะที่มีน้ำล้อมรอบเพียงเดือนละหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น เพราะจะต้องมีน้ำขึ้นมากพอจึงจะล้อมเกาะได้หมด ยามน้ำลดจะเห็นทรายและสามารถเดินข้ามไปได้ หากทรายสีสวยที่เห็นนั้นก็หฤโหดในทีเพราะมีส่วนที่เป็นทรายดูด การเดินข้ามจึงจำต้องมีผู้นำทางที่เชี่ยวชาญ นอกจากนั้นหมอกยังโรยตัวอย่างรวดเร็วจนทำให้หลงทางได้ง่าย อีกทั้งกระแสน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นักท่องเที่ยวที่ไม่เชื่อคำเตือนจึงมักประสบภัยอยู่เสมอ ถูกทรายดูดบ้าง ถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปบ้าง


             โบสถ์อยู่บนยอดเขา ใช้เวลาเดินขึ้นนานพอสมควร  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เที่ยวอยู่แต่เชิงเขา นอกจากนั้นยังมีโบสถ์เล็กอีกแห่งหนึ่งอยู่ครึ่งทาง และเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาสำหรับชาวบ้านบนเกาะ เห็นรูปปั้นนักบุญแซงต์-มิเชลขนาดใหญ่ อันว่านักบุญแซงต์-มิเชลเป็นผู้ชั่งความดีความเลวของผู้เสียชีวิต และนำดวงวิญญาณขึ้นสู่สวรรค์หรือลงนรก



        ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังตัวโบสถก้อจะมีร้านค้าของที่ระลึกมากมายยิ่งลึกยิ่งแพง เสียค่าโง่ซื้อพวกกุญแจกลับมาฝากลูกน้องที่ฟิลินป์ สามยูโรต่อหนึ่งพวง วันที่ได้กลับมาถึงตัวเมืองปารีสเดินไปร้านค้าเห็นพวงกุญแจเหมือนกันเดะขายอันละ หนึ่งยูโร  เดินผ่านไปที่หอไอเฟลขาย สิบพวง หนึ่งยูโร กรูจะบ้าตาย

       เนื่องจากตัวโบสถอยู่บนภูเขาต้องใช้เวลาเดินอยู่สักพัก ระหว่างทางก้อชมวิวทิวทัศนไปเรื่อยๆ




         พอเดินไปถึงด้านบน ก้อต้องเสียตังอีกสิบยูโร เพื่อเข้าชมตัวโบสถภายใน







               เราคงเดินสูงสุดไปได้แค่นี้ ซึ่งบริเวณด้านบนก้อจะเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ให้นักถ่ายรูปไ้ด้ถ่ายบรรยากาศด้านล่างที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล  มีคนบอกว่าพวกเราโชคดีมากที่ได้มาดูปีหน้าน้ำจะท่วมที่นี่คงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูอีกแล้ว






                 เดี๋ยวจะหาว่าเราไปเที่ยว เลยเอารูปตอนที่ไปดูงานที่ฟารมมาฝาก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น