วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

FRANCE 4

หอไอเฟล (Eiffel Tower)

 หอไอเฟล (Eiffel) สัญลักษณ์ของนครปารีส สร้างขึ้นใน ค.ศ.1887-9 ออกแบบโดยวิศวกรที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสชื่อ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม




          หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)


         เดินทางจากมองซานมิเชล มายังตัวเมืองปารีสใช้เวลากว่าสามชั่วโมง กว่าจะมาถึงก้อค่ำซะแระอยากนอนมาก เหนื่อยกะการนั่งรถ วันนี้ได้พักที่โรงแรมโนโวเืทล อยู่ใกล้ๆ หอไอเฟลเลย ก่อนเข้าโรงแรมก้อหยิบกล้องมาถ่ายสักหนึ่งรูป 

        ตื่นเช้ามาตอนเจ็ดโมงเช้าอาบน้ำแต่งตัวลงมากินข้าวเช้า เจ็ดโมงเช้าที่นี่ยังมืดอยู่เลย  วันนี้ดีหน่อยมีแฮมมีใส้กรอกและก้อขนมปังอร่อยๆ รวมทั้งกาแฟแก้วโตอีกหนึ่งที่  พอกินอิ่มก้อเจอเพื่อนชาวฟิลิปินส เลยรอให้ฟ้าสางสักหน่อยจะออกเดินกันไปถ่ายรูป






         ในหลายๆ มุมมองของหอไอเฟล  




    ถ่ายภาพจากห้องพักชั้นที่ 19 ได้เห็นบ้านเมืองอย่างสวยงาม


       สิบโมงเช้าเราเริ่มเตรียมตัวเดินเที่ยวปารีส ด้วยการเดินเราเดินไปถ่ายรูปกับเทพีเสรีำภาพที่เค้าบอกกันว่าที่นี่คือ original หลังจากถ่ายรูปกับเทพีเสรีภาพเสร็จเราก้อเดินต่อไปเพื่อไปถ่ายภาพกับหอไอเฟล





    ในที่สุดเราก้อเดินมาถึงยังหอไอเฟล ใช้เวลาเดินประมาณสามสิบนาที 






       โชคไม่ดีขณะที่เราเดินมาถึงหอไอเฟล ฝนตกลงมาพวกเราต้องรีบวิ่งหาที่หลบฝนเลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่  ถึงเวลาเที่ยงพอดีพวกเราก้อไปนั่งกินข้าวเที่ยงต่อโดยล่องเรือไปกินข้าวไป แต่โชคไม่ดีอีกฝนตกตลอด บางสถานที่ไม่ได้ถ่ายภาพเพราะฝนตก เซ็งเลยเรา











































































วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

FRANCE 3

โบสถ์มง-แซ็ง-มีแชล  Le Mont-Saint-Miche

                  มง-แซ็ง-มีแชล (ฝรั่งเศส: Le Mont-Saint-Michel) คือวิหารที่ตั้งอยู่บนเกาะโดดเดี่ยวกลางทะเลชายฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดม็องช์ แคว้นบัส-นอร์ม็องดีของประเทศฝรั่งเศส ได้รับประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2522 ภายใต้ชื่อ มง-แซ็ง-มีแชล



           ก่อนที่จะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 เกาะนี้เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ (Mont Tombe) และตามตำนาน วิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างโดยการแนะนำของเทวดามีแชล ที่ได้เข้าฝันนักบุญโอแบร์ บิชอปแห่ง มาฟร็องช์เมื่อปี พ.ศ. 1251 แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เนื่องจากนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝัน เขาจึงได้เพิกเฉยไป จนมาถึงการฝันครั้งที่ 3 มีแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขา







          อันที่จริงมงต์-แซงต์-มิเชล จะเป็นเกาะที่มีน้ำล้อมรอบเพียงเดือนละหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น เพราะจะต้องมีน้ำขึ้นมากพอจึงจะล้อมเกาะได้หมด ยามน้ำลดจะเห็นทรายและสามารถเดินข้ามไปได้ หากทรายสีสวยที่เห็นนั้นก็หฤโหดในทีเพราะมีส่วนที่เป็นทรายดูด การเดินข้ามจึงจำต้องมีผู้นำทางที่เชี่ยวชาญ นอกจากนั้นหมอกยังโรยตัวอย่างรวดเร็วจนทำให้หลงทางได้ง่าย อีกทั้งกระแสน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นักท่องเที่ยวที่ไม่เชื่อคำเตือนจึงมักประสบภัยอยู่เสมอ ถูกทรายดูดบ้าง ถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปบ้าง


             โบสถ์อยู่บนยอดเขา ใช้เวลาเดินขึ้นนานพอสมควร  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เที่ยวอยู่แต่เชิงเขา นอกจากนั้นยังมีโบสถ์เล็กอีกแห่งหนึ่งอยู่ครึ่งทาง และเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาสำหรับชาวบ้านบนเกาะ เห็นรูปปั้นนักบุญแซงต์-มิเชลขนาดใหญ่ อันว่านักบุญแซงต์-มิเชลเป็นผู้ชั่งความดีความเลวของผู้เสียชีวิต และนำดวงวิญญาณขึ้นสู่สวรรค์หรือลงนรก



        ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังตัวโบสถก้อจะมีร้านค้าของที่ระลึกมากมายยิ่งลึกยิ่งแพง เสียค่าโง่ซื้อพวกกุญแจกลับมาฝากลูกน้องที่ฟิลินป์ สามยูโรต่อหนึ่งพวง วันที่ได้กลับมาถึงตัวเมืองปารีสเดินไปร้านค้าเห็นพวงกุญแจเหมือนกันเดะขายอันละ หนึ่งยูโร  เดินผ่านไปที่หอไอเฟลขาย สิบพวง หนึ่งยูโร กรูจะบ้าตาย

       เนื่องจากตัวโบสถอยู่บนภูเขาต้องใช้เวลาเดินอยู่สักพัก ระหว่างทางก้อชมวิวทิวทัศนไปเรื่อยๆ




         พอเดินไปถึงด้านบน ก้อต้องเสียตังอีกสิบยูโร เพื่อเข้าชมตัวโบสถภายใน







               เราคงเดินสูงสุดไปได้แค่นี้ ซึ่งบริเวณด้านบนก้อจะเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ให้นักถ่ายรูปไ้ด้ถ่ายบรรยากาศด้านล่างที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล  มีคนบอกว่าพวกเราโชคดีมากที่ได้มาดูปีหน้าน้ำจะท่วมที่นี่คงไม่มีโอกาสที่จะได้ดูอีกแล้ว






                 เดี๋ยวจะหาว่าเราไปเที่ยว เลยเอารูปตอนที่ไปดูงานที่ฟารมมาฝาก